อยู่บนรถ พ้นจากฝุ่น PM 2.5 จริงหรือ?

ฝุ่น PM 2.5 แวะมาเยี่ยมเยียนประเทศไทยอยู่เป็นระยะๆ เรื่องคุณภาพอากาศเลวร้าย ปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงเกินมาตรฐานนั้นเป็นปัญหาสำหรับประเทศอื่นๆมานานแล้ว แต่สำหรับประเทศไทยเพิ่งมามีการวัดกันจริงๆจังๆช่วง 2-3 ปีหลังนี้เท่านั้นเอง สภาพอากาศเป็นพิษนั้นเป็นอันตรายต่อคนที่แพ้อากาศเป็นอยากมาก แม้แต่คนทั่วไปที่ไม่แพ้อากาศก็อาจเกิดระคายเคืองทางเดินหายใจ จาม น้ำมูกไหล เป็นต้น สำหรับผู้ที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องใส่หน้ากากกันฝุ่นตลอดเวลา แต่จะใส่แบบทั่วๆไปก็คงจะกันเจ้าฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้ การเลือกซื้อหน้ากากนั้นต้องคำนึงถึงมาตรฐานการป้องกันฝุ่นและคุณภาพของหน้ากากอีกด้วย ไม่เช่นนั้นอาจเสียทั้งทรัพย์และยังเสียสุขภาพอีกด้วย

คำถามคือ ถ้าอยู่บนรถแล้ว เราจะหนีพ้นเจ้าพวกฝุ่น PM 2.5 ได้จริงหรือ? คำตอบคือ "ทั้งใช่ และ ไม่ใช่"

ทางที่ฝุ่น pm 2.5 จะเข้าสู่ห้องโดยสารในรถยนต์นั้นหลักๆมาจากช่องแอร์ที่ดูดเอาอากาศภายนอกรถยนต์เข้ามา เพราะระดับอ๊อกซิเจนในรถจะลดลงเรื่อยๆ ตัวรถยนต์เองจึงต้องมีระบบนำเอาอากาศภายนอกเข้ามาถ่ายเท ดังนั้นเราต้องเลือกไส้กรองอากาศ หรือไส้กรองแอร์ที่ดีพอที่จะป้องกันเจ้าฝุ่นเหล่านี้ได้ ก่อนจะไปถึงจุดนั้น Milework.com ขอแชร์ความรู้เกี่ยวกับ ฝุ่น PM 2.5 สักนิดหนึ่งนะครับ

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร???

คือ ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก ขนาดของมันจะเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ก็คือเล็กมากๆนั่นแหละครับ เล็กจนขนจมูกไม่สามารถกรองได้ เจ้าฝุ่น pm 2.5 นี้จะมีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมเท่านั้น ทำให้ฝุ่น pm 2.5 นี้สามารถกระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ ด้วยขนาดที่เล็กมากของ ฝุ่น PM 2.5 จึงทำให้เจ้าฝุ่นนี้อาจเข้าสู่ระบบของเหลวในร่างกายอย่างเช่น ระบบเลือด ระบบน้ำเหลือง เป็นต้น

ฝุ่น PM 2.5 เกิดจากอะไร?

1.แหล่งกำเนิดโดยตรง ได้แก่ การเผาในที่โล่ง, การคมนาคมขนส่ง, การผลิตไฟฟ้า, อุตสาหกรรมการผลิต กิจกรรมเหล่านี้แหละคือกิจกรรมแห่งการผลิต ฝุ่น pm 2.5 เลยครับ แต่ถ้าฝนตกลงมาบ่อยๆก็ช่วยชะล้าง ฝุ่น pm 2.5 ออกจากอากาศได้นะ จะเห็นว่าไซต์งานก่อสร้างเขาจะพรมน้ำเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันฝุ่นนี่แหละครับ ใต่ BTS บางสถานีก็มีการพรมละอองน้ำด้วยเครื่องฉีดน้ำฝอย ซึ่งเจ้าน้ำเนี่ยแหละจะไปช่วยจับ ฝุ่น pm 2.5แล้วตกลงสู้พื้น

2.ฝุ่น pm 2.5ยังเกิดจากการรวมตัวของก๊าซอื่นๆ ในบรรยากาศ โดยเฉพาะซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) รวมทั้งสารพิษอื่นๆ ที่ล้วนเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ เช่น สารปรอท (Hg), แคดเมียม (Cd), อาร์เซนิก (As) หรือโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs)

อันตรายจาก ฝุ่น PM 2.5

1. อันตรายต่อปอด เพราะฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาดเล็กมากๆนี้สามารถเข้าไปยังระบบทางเดินหายใจ เสี่ยงโรคปอดแข็งจากภาวะฝุ่นจับปอด (Pneumoconiosis) หากสูดเข้าปอดไปนานๆ ฝุ่น PM 2.5 อาจเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองหรือระบบเลือด ส่งผลให้เสี่ยงเป็นโรคปอดเรื้อรัง หรือ มะเร็งปอด ทั้งๆที่ไม่เคยสบ

2. โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคที่เกิดจากเยื่อบุหลอดลมได้รับการระคายเคืองและเกิดอาการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้มีอาการไอเป็นเลือด มีเสมหะ หายใจดัง หากเป็นเรื้อรังจะส่งผลต่อหลอดลมในระยะยาว

3.อันตรายต่อเด็กในครรภ์ สำหรับหญิงตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงเวลาที่ต้องระวังตัวที่สุด ทั้งอาหารการกิน เรื่องของอารมณ์ รวมถึงเรื่องอากาศที่หายใจเข้าไป หากสูดฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานานๆ มีความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร หรือ คลอดก่อนกำหนด นอกจากนั้นยังอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของระบบสมองบุตรอีกด้วย

วิธีการป้องกัน ฝุ่น pm 2.5

1. หากอยู่นอกสถานที่ แนะนำให้ใส่หน้ากากกันฝุ่น ซึ่งมาตราฐานของหน้ากากกันฝุ่น PM 2.5 คือ N95 หากจำเป็นต้องใส่หน้ากากธรรมดา ขอแนะนำว่าให้ใส่ทิชชู่ทับ 2 ชั้นเพื่อความปลอดภัยจากฝุ่น pm 2.5 ซื้อหน้ากาก N95 คลิ๊ก : https://www.milework.com/other/n95-3m-pm2.5-95-990/

2. หากอยู่ในบ้าน แนะนำให้ใช้เครื่องฟอกอากาศฝุ่น pm 2.5 สามารถหาซื้อได้ตามแบรนด์เครื่องปรับอากาศทั่วไปที่มีจำหน่าย

3. หากอยู่บนรถ *ข้อนี้สำคัญ* แนะนำให้ใช้ไส้กรองอากาศที่ได้มาตรฐาน ฝุ่น pm 2.5 โดยเฉพาะ เพราะนอกจากเราจะขับขี่อยู่นอกสถานที่ที่เต็มไปด้วย ฝุ่น pm 2.5 แล้วนั้น การใช้ไส้กรองอากาศที่ดีจะช่วยลดมลพิษทางอากาศภายในรถส่งผลให้รถยนต์ของเรานั้นห่างไกลจากมลภาวะ ได้เป็นอย่างดี สั่งซื้อไส้กรองแอร์ป้องกันฝุ่น pm 2.5 คลิ๊ก : https://www.milework.com/filter/cabin-air-filter/?features_hash=37-49857

สรุป แม้ว่าฝุ่น PM 2.5 จะมีความอันตรายอย่างมาก แต่ถ้าเราอยู่ในรถก็ปลอดภัยจาก ฝุ่น pm 2.5 ได้ เพียงแต่ต้องมีระบบการป้องกันที่ดี โรงพยาบาลเป็นศูนย์รวมเชื้อโรค เพราะคนป่วยไปรวมกันอยู่ที่โรงพยาบาล แต่หมอและพยาบาลไม่ป่วย เพราะมีการป้องกันที่ดีนั่นเอง

คุณสามารถเช็คค่าฝุ่นละอองได้แล้ว คลิ๊ก