ผ้าเบรค Compact(คอมแพค)

ผ้าเบรค Compact ดีไหม มีกี่รุ่น แต่ละรุ่นเหมาะกับการใช้งานแบบไหน?

เชื่อว่า 99% ของรถยนต์ที่ถูกใช้งานมามากกว่า 5 ปี หรือ 100,000 กม. ต้องเคยพบปัญหาเบรกลึก รถหยุดช้า เบรคไม่อยู่ เบรคแล้วมีเสียงดัง ซึ่งเกิดจากการที่เหล็กเตือนทำงาน เพื่อบอกให้เรารู้ว่าเนื้อผ้าเบรคเหลือน้อยแล้ว หากคุณกำลังพบกับอาการเหล่านี้อยู่ ก็ถึงเวลาเปลี่ยนผ้าเบรคแล้วล่ะ แต่จะเปลี่ยนทั้งทีก็ต้องหาข้อมูลกันหน่อย

ข้อดีของผ้าเบรค Compact

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าผ้าเบรคคอมแพคมีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศไทย เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2519 และอยู่เคียงคู่คนไทยมายาวนาน เข้าปีที่ 45 แล้ว นับว่าเป็นผ้าเบรคสัญชาติไทยที่ผลิตโดยคนไทย และเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง โดยดิสเบรค และก้ามเบรคคอมแพคถูกออกแบบมาให้เหมาะสมครอบคลุมต่อการใช้งานของรถทุกชนิด ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผ้าเบรคคอมแพค เบรคนุ่มนวล จับได้ไว ทำงานได้ดีแม้อุณภูมิสูง และยังฝุ่นน้อยกว่าผ้าเบรคในท้องตลาดทั่วไป

ผ้าเบรค Compact มีกี่รุ่น?

ปัจจุบันผ้าเบรกคอมแพค มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามประเภทรถ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถตู้โดยสาร รถบรรทุก และรถบัส ทั้งนี้การจะเปลี่ยนผ้าเบรคให้เหมาะสมกับรถของเรานั้น ต้องเลือกตามการใช้งาน และงบประมาณที่มีอยู่ในมือ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับผ้าเบรคแต่ละรุ่นของแบรนด์นี้กันก่อนครับ

1. Compact Primo ผ้าเบรครุ่นใหม่ล่าสุดจาก Compact ผลิตด้วยเทคโนโลยี Clean Drive Formulation Design เป็นนวัตรกรรมที่เป็นมิตรต่อทั้งรถ และสิ่งแวดล้อม มาพร้อมแผ่นชิม 4 ชั้น ลดการเกิดเสียงดัง ฝุ่นดำติดล้อ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Excellent Rotor Care ช่วยยืดอายุการใช้งานของจานเบรค สรุปสั้น ๆ สำหรับรุ่นนี้ คือ เบรคนุ่ม เงียบ ไม่กินจาน อายุการใช้งานนานกว่าผ้าเบรคทั่ว ๆ ไป ราคาอยู่ระหว่าง 800-1,200 บาท เหมาะกับรถประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล โดยเฉพาะคนที่กำลังมองหาผ้าเบรคสำหรับทดแทนผ้าเบรคเดิมติดรถ ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์เลยครับ

2. Compact Nano Max ผ้าเบรคออร์แกนิครุ่นนี้มีจุดเด่นที่การใช้สารเคลือบผิวผ้าเบรค Anti-Fade Coating เพื่อลดปัญหาเรื่องเฟด ซึ่งเกิดจากการที่หน้าสัมผัสผ้าเบรคกับจานเบรคยังไม่แนบสนิทกัน มักเกิดขึ้นในกรณีที่มีการเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่ ๆ โดย Coating สีฟ้าถูกออกแบบให้มีการเกิดฝุ่นและเสียงต่ำที่สุด เป็นสูตรการผลิตแบบ NAO (Copper free) คือปราศจากส่วนผสมของทองแดง และ Coating สีส้ม ที่ถูกออกแบบให้ทนทานที่สุด อัตราการเกิดเฟดต่ำที่สุด ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพแม้บรรทุกหนัก เหมาะสำหรับ รถยนต์เอนกประสงค์ (MPV) และรถยนต์เอนกประสงค์สมรรถนะสูง(SUV) และรถตู้โดยสาร ราคาอยู่ระหว่าง 500 - 1,600 บาท

3. Compact Life ผ้าเบรครุ่นมาตรฐานด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีจุดเด่นที่เบรคนุ่มนวล ทำงานได้ดีในทุกช่วงอุณหภูมิ เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป ขับขี่ในเมือง นอกเมือง รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (บางรุ่น) รถกระบะ, รถกระบะบรรทุกเบา - หนัก ราคาอยู่ระหว่าง 500 - 700 บาทเท่านั้น แนะนำสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด และต้องการผ้าเบรคที่คุณภาพไว้วางใจได้

4. Compact Ceramic ผ้าเบรคปลอดแร่ใยหิน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้ความรู้สึกนุ่มนวล มั่นใจในทุก ๆ ครั้งที่เหยียบเบรค มีรับประกันการใช้งาน เหมาะสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะ รถกระบะบรรทุกเบา - หนัก และรถ SUV ราคาอยู่ระหว่าง 600 - 800 บาท

5. Compact Crown ดรัมเบรค ที่มีส่วนประกอบที่ช่วยลดแรงเสียดทาน ช่วยลดการสั่นสะเทือนในขณะเบรค เบรกหนึบ ระบายความร้อนได้ดี อายุการใช้งานยาวนาน เหมาะสำหรับ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (บางรุ่น), รถกระบะ ราคาอยู่ระหว่าง 800 - 1,000 บาท

6. Compact DC Silver ผ้าเบรคที่ขึ้นชื่อเรื่องการตอบสนองต่อการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง หรือการใช้งานที่จำเป็นต้องมีการเหยียบเบรคบ่อย ควบคุมระยะการเบรคได้ดีเยี่ยม ปลอดภัย ใช้วัสดุคุณภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถกระบะ, รถกระบะบรรทุกเบา - หนัก, รถ SUV ราคา 300 - 700 บาท

7. Compact Duramax ผ้าเบรครุ่นพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานของรถกระบะบรรทุกหนักโดยเฉพาะ ด้วยชื่อเสียงเรื่องความทนทาน แข็งแรง แผ่นเหล็กคุณภาพสูง มีจุดเด่นที่การผ่าร่องผ้าเบรคเป็นรูปตัว Y (Y Groove Technology) เพื่อช่วยระบายฝุ่น น้ำ และความร้อน ไม่มีส่วนผสมของทองแดง ราคาอยู่ที่ 800 - 1,500 บาท

8. Compact Nano Commuter ผ้าเบรคสำหรับรถตู้ ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานหนัก และขับขี่ด้วยความเร็ว ผ่านการทดสอบด้วยเครื่อง Link Vehicle Test และ Brake Dynamometer เพื่อการรันตีเรื่องอัตราการสร้างแรงเสียดทาน และอัตราการสึกหรอที่ต่ำ ทำงานได้ดีแม้ขับขี่ด้วยความเร็วสูง

9. Compact Precision ผ้าเบรคที่เกิดจากการคิดค้นร่วมกันระหว่างที่มผู้เชี่ยวชาญยุโรปและทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของคอมแพค มีการออกแบบให้เหมาะสมกับรถบรรทุก รถหัวลาก และรถบัส โดยมีการคำนึงถึงลักษณะภูมิประเทศของไทยเป็นหลัก เบรกมีประสิทธิภาพ ทนความร้อนสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน

วิธีการเปลี่ยนผ้าเบรคด้วยตัวเอง

1. เริ่มต้นด้วยการเลือกพื้นจอดรถที่เรียบ ร่ม และไม่ลาดเอียง ดึงเบรคมือ และใช้แม่แรงในการยกรถขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถจะไม่หลุดจากแม่แรง เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
2. ถอดล้อออกมาขั้นตอนนี้อาจต้องใช้ความชำนาญเล็กน้อย แนะนำให้วางล้อไว้ในจุดที่ใกล้กับแม่แรง กรณีแม่แรงชำรุดระหว่างการเปลี่ยนผ้าเบรค ล้อจะช่วยพยุงตัวรถไว้นั่นเองครับ
3. ทำความสะอาดจานเบรคด้วยน้ำยาทำความสะอาดจุดที่สกปรก น้ำมันจารบี ของเหลว ผงฝุ่น เป็นต้น
4. ถอดคาลิปเปอร์ออก โดยการใช้ประแจคลายเกลียวด้านล่างที่หนีบ โดยระมัดระวังไม่ให้สายเบรคที่ติดอยู่ขาด
5. ปรับระดับให้ที่หนีบเบรคกว้างขึ้นให้พอดีกับผ้าเบรคใหม่ ถอดผ้าเบรคเก่าออก จากนั้นอัดด้วยจารบี
6. ถอดสลักเบรคออกมาทำความสะอาดแล้วหล่อลื่นด้วยจารบี และยางกันฝุ่นต้องอยู่ในสภาพดี ไม่ฉีกขาด จากนั้นติดตั้งผ้าเบรค Compact ใหม่
7. ประกอบคาลิปเปอร์ และชิ้นส่วนต่าง ๆ กลับคืน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไขน็อตแน่นทุกตัว
8. ขั้นตอนสุดท้ายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด คือการกลับเข้าไปภายในรถ ทำการเหยียบเบรค เพื่อปรับระดับให้ลูกสูบเบรคมาอยู่ในตำแหน่งพร้อมใช้งาน