น้ำมันเครื่อง

ข้อดีของ น้ำมันเครื่อง (แนะนำชนิดสังเคราะห์100%)
1 รักษาเครื่องยนต์ให้สะอาดอยู่เสมอ
ในขณะที่ สารหล่อลื่นไหลเวียนผ่านเครื่องยนต์ของรถ จะสามารถดักจับกับสิ่งสกปรกได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปน้ำมันแบบธรรมดาอาจก่อให้เกิดตะกอน ทำให้ลดประสิทธิภาพการทำงาน และส่งผลกระบทกับอายุการใช้งานของเครื่องยนต์โดยตรง ดังนั้น น้ำมันชนิดสังเคราะห์100% จะต้านทานการก่อตัวของตะกอนได้ดีกว่าชนิดอื่นๆ จึงป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรกในเครื่องยนต์ของรถ
2 ป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น
ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์จะสัมผัสกันอยู่เสมอ และยังเสียดสีกันด้วยความเร็วสูง ฉะนั้นการทำงานของเครื่องยนต์ทำให้ส่วนประกอบต่างๆสามารถสึกหรอและแตกหักได้ น้ำมันนี้จะช่วยเคลือบเป็นเกราะป้องกันระหว่างส่วนประกอบเหล่านี้
3 ไหลลื่นได้ดีในอุณหภูมิต่ำ
เมื่อรถของคุณจอดสนิท(ข้ามคืน) ระดับน้ำมันก็จะตกลงอยู่ที่ถังพัก แต่เมื่อคุณสตาร์ทรถอีกครั้งในตอนเช้า น้ำมันก็จะเริ่มไหลผ่านชิ้นส่วนเครื่องยนต์ต่างๆเพื่อป้องกันแรงเสียดทาน(ถูกดึงมาใช้) น้ำมันแบบธรรมดาจะใช้เวลานานกว่าจะสามารถไหลผ่านเครื่องยนต์ได้อย่างราบรื่นและครบถ้วน ซึ่งต่างกับน้ำมันชนิดสังเคราะห์100% ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสามารถเริ่มปกป้องเครื่องยนต์ของคุณ แทบจะทันทีหลังจากที่คุณสตาร์ทรถยนต์
4 ปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่าในอุณหภูมิที่สูง
เมื่อใช้รถยนต์ความร้อนของเครื่องยนต์จะสูงขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปอุณหภูมิที่สูงนี้ อาจทำให้ของเหลวที่เติมเข้าไประเหยได้ และทำให้เครื่องยนต์สึกหรอในที่สุด น้ำมันเครื่อง แบบสังเคราะห์มักได้รับการออกแบบมาเพื่อต้านทานอุณหภูมิสูงเหล่านี้
5 ปกป้องชิ้นส่วนเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่สำคัญ
ในปัจจุบันเทคโนโลยีรถยนต์พัฒนาไปมาก ผู้พัฒนาผลิตเครื่องยนต์ขนาดเล็กแต่มีกำลังขับเคลื่อนที่สูง ฉะนั้นสารหล่อลื่นต่างๆ ที่คอยปกป้องเครื่องยนต์ จึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้เท่าทัน เพื่อสามารถปกป้องส่วนประกอบของเครื่องยนต์เหล่านี้ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ได้อีกด้วย
ควรเปลี่ยน น้ำมันเครื่อง ตอนไหน?
อัตราการปนเปื้อนที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายตัว หลักๆคือ สภาพการขับขี่นั้นมีผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของน้ำมัน ซึ่งบอกได้ยากว่าควรเปลี่ยนเมื่อใด เพราะลักษณะการใช้งานรถยนต์ที่ต่างกัน ลองสังเกตรถของคุณและชนิดน้ำมันที่คุณใช้งาน ดังนี้
ธรรมดา : เปลี่ยนทุก 5,000 ก.ม.
กึ่งสังเคราะห์ : เปลี่ยนทุก 7,500 - 10,000 ก.ม.
สังเคราะห์100% : เปลี่ยนทุก 15,000 - 20,000 ก.ม.
ทำไมต้องเปลี่ยนสารหล่อลื่นด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปปริมาณน้ำมันที่ใช้อยู่จะลดลง(ระเหยออกไปบ้าง) และจะเสื่อมสภาพเนื่องจากมีคราบสกปรกปนอยู่ และจะไม่สามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีเหมือนก่อน น้ำมันนี้นับว่าเป็นส่วนสำคัญในการหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวภายในระบบเครื่องยนต์ และยังถูกออกแบบมาให้กำจัดสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองที่เข้ามาสู่เครื่องยนต์อีกด้วย เมื่อขับรถไปเรื่อยๆ ระดับการปนเปื้อนในน้ำมันนั้นจะเพิ่มขึ้น(สกปรกขึ้น)อย่างต่อเนื่อง ถึงจุดนี้ตัวนำ้มันเองจะไม่สามารถทำงานได้ดีอีกต่อไปและจำเป็นต้องเปลี่ยน ควรเปลี่ยนก่อนที่ระดับการปนเปื้อนจะทำอันตรายกับรถ ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์เสียหาย
วิธีตรวจเช็คด้วยตัวเอง...ง่ายมากๆ
ควรตรวจเช็คระดับของน้ำมันด้วยตัวเอง อย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์ (การใช้งานรถปกติ) แต่หากเป็นรถที่ใช้งานหนักหรือต้องวิ่งทางไกลเป็นประจำควรตรวจสอบทุกครั้งก่อนออกรถ
ขั้นตอนการวัดระดับ น้ำมัน ก่อนออกเดินทาง
1.ต้องจอดรถบนพื้นราบ (เพื่อการตรวจที่ถูกต้อง)
2.สตาร์ทเครื่องยนต์ ทิ้งไว้สัก 5 นาที แล้วดับเครื่อง
3.รอเวลา 2-3 นาที (ให้น้ำมันไหลกลับมาที่ถัง)
4.เปิดฝากระโปรงหน้ารถ ดึงก้านวัดระดับออก ใช้เศษผ้าเช็ดน้ำมันทิ้งไปก่อน 1 รอบ (ทำความสะอาด)
5.เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่อง กลับลงไปใหม่ที่จุดเดิม (จนสุด)
6.ดึงก้านวัดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งระดับน้ำมันต้องควรอยู่ที่ระดับ “F” (Full : เต็ม)
7.ถ้าตรวจเช็คแล้วปรากฏว่า น้ำมันอยู่ที่ระดับใกล้กับ “L” (Low : ต่ำ) ควรให้เติมน้ำมัน (แบบเดียวกับที่ใช้อยู่) ลงไปเพิ่มจนถึงระดับ “F”
8.จากนั้นปิดก้านวัดกลับที่เดิมให้แน่น
แสดงความคิดเห็น
ไม่พบข้อมูล